วันลอยกระทง

                                 วันลอยกระทง



ประวัติวันลอยกระทง

          นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย คิดทำกระทงรูปดอกบัว และรูปต่างๆถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหล ในหนังสือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอย เป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน"
          ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงาม ดังพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของเจ้าพระยาทิพาราชวงศ์ กล่าวไว้ว่า "ครั้นมาถึงเดือน 12 ขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ แรมค่ำหนึ่งพิธีจองเปรียงนั้น เดิมได้โปรดให้ขอแรง พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าราชการที่มีกำลังพาหนะมาทำกระทงใหญ่ ผู้ถูกเกณฑ์ต่อเป็นถังบ้าง ทำเป็นแพหยวกบ้าง กว้าง 8 ศอกบ้าง 9 ศอกบ้าง กระทงสูงตลอดยอด 10 ศอก 11 ศอก ทำประกวดประขันกันต่างๆ ทำอย่างเขาพระสุเมรุทวีปทั้ง 4 บ้าง และทำเป็นกระจาดชั้นๆบ้าง วิจิตรไปด้วยเครื่องสด คนทำก็นับร้อย คิดในการลงทุนทำกระทงทั้งค่าเลี้ยงคนและพระช่าง เบ็ดเสร็จก็ถึง 20 ชั่งบ้าง ย่อมกว่า 20 ชั่งบ้าง"
          ปัจจุบันประเพณีลอยกระทง มีการจัดงานกันแทบทุกจังหวัด ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญ โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่มีการจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ กระทงเล็ก มีการประกวดกระทง และประกวดธิดางามประจำกระทงด้วย ส่วนการลอยโคม ชาวบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสานยังนิยมทำกัน ชาวบ้านจะนำกระดาษ มาทำเป็นโคมขนาดใหญ่สีต่างๆ ถ้าลอยตอนกลางวัน จะทำให้โคมลอยโดยใช้ควันไฟ ถ้าเป็นเวลากลางคืน ก็จะใช้คบจุดที่ปากโคม ให้ควันพุ่งเข้าในโคม ทำให้ลอยไปตามกระแสลมหนาว เวลากลางคืนแลเห็นแสงไฟโคมบนท้องฟ้า พร้อมกับแสงจันทร์และดวงดาวสวยงามมากทีเดียว 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติวันลอยกระทง

กำหนดวันลอยกระทง
    วันลอยกระทงของทุกปีจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือถ้าเป็นปฏิทินจันทรคติล้านนาจะตรงกับเดือนยี่ และหากเป็นปฏิทินสุริยคติจะราวเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเดือน 12 นี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อากาศจึงเย็นสบาย และอยู่ในช่วงฤดูน้ำหลาก มีน้ำขึ้นเต็มฝั่ง ทำให้เห็นสายน้ำอย่างชัดเจน อีกทั้งวันขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง ทำให้สามารถเห็นแม่น้ำที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบลงมา เป็นภาพที่ดูงดงามเหมาะแก่การชมเป็นอย่างยิ่ง
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ประวัติวันลอยกระทง

ประเพณีการลอยกระทงในแต่ละท้องถิ่น
  • ภาคเหนือตอนบน จะนิยมทำโคมลอย ที่เรียกว่า "ลอยโคม" หรือเรียกว่า "ว่าวฮม" หรือเรียกว่า "ว่าวควัน" ที่ทำจากผ้าบางๆ แล้วนำมาสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างบอลลูน และประเพณีของชาวเหนือนี้เรียกว่า ยี่เป็ง ก็คือ การทำบุญวันเพ็ญเดือนยี่ (นับวันตามแบบล้านนา ซึ่งจะตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)
  • จังหวัดเชียงใหม่ จะมีประเพณี "ยี่เป็ง" เชียงใหม่ ในทุกปีก็จะมีการจัดงานขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการตาเลยทีเดียว และยังมีการปล่อยโคมลอยขึ้นเต็มท้องฟ้าอีกด้วย
  • จังหวัดตาก จะมีการลอยกระทงขนาดเล็กทยอยเรียงรายไปเป็นสาย และเรียกว่า "กระทงสาย"
  • จังหวัดสุโขทัย จะมีขบวนแห่โคมชักโคมแขวน และมีการเล่นพลุตะไลและไฟพะเนียง
  • ภาคอีสาน ในอดีตนั้นจะมีการเรียกประเพณีลอยกระทงในภาคอีสานนั้นว่า สิบสองเพ็ง หมายถึง วันเพ็ญเดือนสิบสองซึ่งก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป
  • จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมีชื่องานประเพณีว่า "สมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป" ตามภาษาถิ่นนั้นมีความหมายว่า การขอขมาพระแม่คงคา ในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง มีการประกวดประทีปโคมไฟและการประกวดกระทงอันสวยงาม และยังมีการจำลองแห่หัวเมืองสาเกตุนครทั้ง11 หัวเมืองอีกด้วยนะค่ะ
  • จังหวัดสกลนคร ในอดีตนั้นจะมีการลอยกระทงจากกาบกล้วย ลักษณะก็จะคล้ายกับการทำปราสาทผึ้งโบราณ และเรียกงานนี้กันว่าเทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน
  • จังหวัดนครพนม จะมีการตกแต่งเรือแล้วประดับไฟ ให้เป็นรูปต่างๆ และเรียกว่า "ไหลเรือไฟ" โดยเฉพาะที่จังหวัดนครพนมเพราะจะมีความงดงามและอลังการมากที่สุดในภาคอีสานเลยนะค่ะ
  • ภาคกลาง ก็จะมีการจัดประเพณีลอยกระทงขึ้นทั่วทุกจังหวัด มีการจัดงานที่ยิ่งใหญ่
  • กรุงเทพมหานคร ก็จะมีงานภูเขาทอง แต่จะเป็นรูปแบบงานวัด เฉลิมฉลองราว 7-10 วัน ก่อนจะถึงงานลอยกระทง และก็จะจบลงในช่วงหลังจากวันลอยกระทง
  • จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็จะมีการจัดงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่าขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ที่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ภายในงานจะมีการจัดแสดงแสง สีและเสียง อย่างงดงามตระการตากันเลยทีเดียวค่ะ
  • ภาคใต้ ที่อำเภอหาดใหญ่และจังหวัดสงขลา ก็จะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ในจังหวัดอื่นๆ ก็จะจัดงานวันลอยกระทงเช่นเดียวกัน

ความคิดเห็น